การกินหลินจือ สกาโน ส้มแขก
ถั่งเฉ้า และ นมผึ้ง รวมไปถึงเครื่องดื่มผสมหลินจือ ได้ผลหรือไม่ได้ผล
อย่างที่บอกเล่าไปแล้ว
คราวนี้ มาถึงประเด็นที่มีอีกหลายคน
ได้กินตามสูตรที่ผู้แนะนำบอกไปอย่างถูกต้องทุกประการ กินมาสองสามเดือนแล้ว
แต่ก็ไม่เห็นดีขึ้น หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเลย
แต่ถ้าหากลองสังเกตให้ดี จะพบว่า หลาย ๆ
คนที่บอกว่า ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ส่วนใหญ่มักคิดแต่อาการของโรคประจำตัวที่ตนเองเป็นอยู่
โดยไม่ได้สังเกตอาการด้านอื่น ๆ ที่ดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ได้คิดถึง
หรือไม่ได้สังเกตนั่นเอง
บางคน จะหลับสบายมากขึ้น หลับลึกขึ้น
ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ตื่นแล้วตื่นเลย ไม่มีอาการงัวเงียเหมือนเมื่อก่อน
แต่เป็นอาการที่ไม่ได้สังเกต บางคนการขับถ่ายจะดีขึ้น บางรายผิวพรรณดีขึ้น
หรือบางคนระบบการหายใจดีขึ้น ไม่เหนื่อยง่ายเหมือนเมื่อก่อน
และอีกมากมายที่มักจะไม่ได้สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ
ของตัวเอง
แต่สำหรับอาการป่วยของตนเองที่เป็นอยู่
มีความรู้สึกว่า ไม่ได้ดีขึ้น หรืออาจไม่ดีขึ้นอะไรนัก
อาการดังกล่าว สำหรับบางคนแล้ว
ย่อมเกิดขึ้นได้
แต่ไม่ได้หมายความว่า
หลินจือไม่ได้เข้าไปรักษาอาการดังกล่าวเลย มีการรักษาเกิดขึ้น
เพียงแต่อาจไม่มากนัก ก็เลยแทบไม่รู้สึก หรือบางราย
เหมือนกับว่าอาการป่วยของตนเองไม่ได้ดีขึ้นเลย
ตรงนี้ ขอบอกว่า ไม่ได้หมายความว่า หลินจือไม่ได้ประโยชน์
เพียงแต่ขอบอกโดยตรงว่า ปริมาณที่กินของคนป่วยบางคนที่กินตามสูตร อาจไม่เพียงพอที่จะเข้าไปรักษาอาการป่วยของคน
ๆ นั้น เป็นเฉพาะตัวสำหรับบางคน
จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการกินมากขึ้น
ดังเช่น คนที่เคยกินวันละ 2 มื้อ คือ เช้า-ค่ำ ก็อาจต้องเพิ่ม เช้า-บ่าย-ค่ำ
ในปริมาณตามสูตรที่เคยกินในแต่ละมื้อ
บางคนอาจหนักกว่านั้น
จำเป็นต้องกินถึงวันละ 4 มื้อด้วยซ้ำ ก็คือ เช้า-เที่ยง-เย็น-ค่ำก่อนนอน
ซึ่งคนที่จำเป็นต้องกินถึงวันละ 4 มื้อ บอกได้เลยว่า มีน้อยมาก
ส่วนใหญ่จะได้ผลกินตามสูตร วันละ 2 มื้อ ส่วนน้อย จำเป็นต้องเพิ่มเป็น 3 มื้อ
แต่บางคน น้อยมาก ที่จำเป็นต้องเพิ่มเป็น 4 มื้อ
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
เราไม่สามารถบอกถึงสาเหตุที่ชัดเจนได้
แต่ส่วนใหญ่มาจากบางคน เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังหลายโรค
หลินจือจำเป็นต้องแบ่งเฉลี่ยเข้าไปรักษาอาการต่าง ๆ จนโรคไม่คิดว่าจะร้ายแรงนั้น
มักจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายก่อน ในขณะที่โรคที่ผู้กินต้องการรักษานั้น
กลับเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น หรือดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็มักจะโทษหลินจือเป็นประการแรกไม่มีประโยชน์อะไรทำนองนี้
กลุ่มคนป่วยประเภทนี้จึงจำเป็นต้องกินเพิ่มมื้อขึ้น เพื่อให้หลินจือมีปริมาณในการออกฤทธิ์ไปรักษาให้ถ้วนหน้าเพิ่มมากขึ้น
บางราย มาจากร่างกายที่ดูดซับหลินจือไม่ดีเท่าที่ควรในระยะประมาณ
3-6 เดือนแรก ทำให้รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ประเภทนี้ก็จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณในการกิน เช่น เพิ่มจากที่กินวันละ 2 มื้อมาเป็น
3 มื้อ หรืออาจถึง 4 มื้อ ก็ย่อมเป็นไปได้
ขอย้ำและยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า
หลินจือ ไม่ใช่ “ยาวิเศษ”
ที่จะรักษาสารพัดโรคให้หายได้ทุกคน แต่กล้าที่จะยืนยันว่า
ทุกคนที่ได้กินหลินจือ จะมี “คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอน
จนมีโอกาสหายจากโรคที่ตนเองเป็นอยู่ และหายกันมาเยอะแล้วด้วย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น