วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กินหลินจือแล้วทำไมไม่ได้ผล? (2)


            การกินหลินจือ สกาโน ส้มแขก ถั่งเฉ้า และ นมผึ้ง รวมไปถึงเครื่องดื่มผสมหลินจือ ได้ผลหรือไม่ได้ผล อย่างที่บอกเล่าไปแล้ว
        คราวนี้ มาถึงประเด็นที่มีอีกหลายคน ได้กินตามสูตรที่ผู้แนะนำบอกไปอย่างถูกต้องทุกประการ กินมาสองสามเดือนแล้ว แต่ก็ไม่เห็นดีขึ้น หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเลย
        แต่ถ้าหากลองสังเกตให้ดี จะพบว่า หลาย ๆ คนที่บอกว่า ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ส่วนใหญ่มักคิดแต่อาการของโรคประจำตัวที่ตนเองเป็นอยู่ โดยไม่ได้สังเกตอาการด้านอื่น ๆ ที่ดีขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ได้คิดถึง หรือไม่ได้สังเกตนั่นเอง
        บางคน จะหลับสบายมากขึ้น หลับลึกขึ้น ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ตื่นแล้วตื่นเลย ไม่มีอาการงัวเงียเหมือนเมื่อก่อน แต่เป็นอาการที่ไม่ได้สังเกต บางคนการขับถ่ายจะดีขึ้น บางรายผิวพรรณดีขึ้น หรือบางคนระบบการหายใจดีขึ้น ไม่เหนื่อยง่ายเหมือนเมื่อก่อน และอีกมากมายที่มักจะไม่ได้สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเอง
        แต่สำหรับอาการป่วยของตนเองที่เป็นอยู่ มีความรู้สึกว่า ไม่ได้ดีขึ้น หรืออาจไม่ดีขึ้นอะไรนัก
        อาการดังกล่าว สำหรับบางคนแล้ว ย่อมเกิดขึ้นได้
        แต่ไม่ได้หมายความว่า หลินจือไม่ได้เข้าไปรักษาอาการดังกล่าวเลย มีการรักษาเกิดขึ้น เพียงแต่อาจไม่มากนัก ก็เลยแทบไม่รู้สึก หรือบางราย เหมือนกับว่าอาการป่วยของตนเองไม่ได้ดีขึ้นเลย
        ตรงนี้ ขอบอกว่า ไม่ได้หมายความว่า หลินจือไม่ได้ประโยชน์ เพียงแต่ขอบอกโดยตรงว่า ปริมาณที่กินของคนป่วยบางคนที่กินตามสูตร อาจไม่เพียงพอที่จะเข้าไปรักษาอาการป่วยของคน ๆ นั้น เป็นเฉพาะตัวสำหรับบางคน
        จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการกินมากขึ้น ดังเช่น คนที่เคยกินวันละ 2 มื้อ คือ เช้า-ค่ำ ก็อาจต้องเพิ่ม เช้า-บ่าย-ค่ำ ในปริมาณตามสูตรที่เคยกินในแต่ละมื้อ
        บางคนอาจหนักกว่านั้น จำเป็นต้องกินถึงวันละ 4 มื้อด้วยซ้ำ ก็คือ เช้า-เที่ยง-เย็น-ค่ำก่อนนอน ซึ่งคนที่จำเป็นต้องกินถึงวันละ 4 มื้อ บอกได้เลยว่า มีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะได้ผลกินตามสูตร วันละ 2 มื้อ ส่วนน้อย จำเป็นต้องเพิ่มเป็น 3 มื้อ แต่บางคน น้อยมาก ที่จำเป็นต้องเพิ่มเป็น 4 มื้อ
        ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
        เราไม่สามารถบอกถึงสาเหตุที่ชัดเจนได้ แต่ส่วนใหญ่มาจากบางคน เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังหลายโรค หลินจือจำเป็นต้องแบ่งเฉลี่ยเข้าไปรักษาอาการต่าง ๆ จนโรคไม่คิดว่าจะร้ายแรงนั้น มักจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายก่อน ในขณะที่โรคที่ผู้กินต้องการรักษานั้น กลับเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น หรือดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็มักจะโทษหลินจือเป็นประการแรกไม่มีประโยชน์อะไรทำนองนี้ กลุ่มคนป่วยประเภทนี้จึงจำเป็นต้องกินเพิ่มมื้อขึ้น เพื่อให้หลินจือมีปริมาณในการออกฤทธิ์ไปรักษาให้ถ้วนหน้าเพิ่มมากขึ้น
        บางราย มาจากร่างกายที่ดูดซับหลินจือไม่ดีเท่าที่ควรในระยะประมาณ 3-6 เดือนแรก ทำให้รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ประเภทนี้ก็จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณในการกิน เช่น เพิ่มจากที่กินวันละ 2 มื้อมาเป็น 3 มื้อ หรืออาจถึง 4 มื้อ ก็ย่อมเป็นไปได้
        ขอย้ำและยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า
        หลินจือ ไม่ใช่ “ยาวิเศษ” ที่จะรักษาสารพัดโรคให้หายได้ทุกคน แต่กล้าที่จะยืนยันว่า
        ทุกคนที่ได้กินหลินจือ จะมี “คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอน จนมีโอกาสหายจากโรคที่ตนเองเป็นอยู่ และหายกันมาเยอะแล้วด้วย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น