“ถั่งเฉ้า” – คืออะไรหวา? เชื่อว่า หลาย ๆ ท่านที่ได้ยินชื่อ
ได้รับฟังสรรพคุณมาแล้ว ก็คงจะรู้ว่า “ถั่งเฉ้า”
เป็นตัวหนอน หรือดักแด้ชนิดหนึ่งที่บนหัวจะงอกออกมาเป็นพืชหรือหญ้าชนิดหนึ่ง
หาได้เฉพาะที่ทิเบต ชิงไห่ เสฉวน ยุนนาน กานซู กุ้ยโจว และประเทศเนปาล บนเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 3,000 ฟุต-5,000 ฟุต ราคามีตั้งแต่หลักหมื่นจนกระทั่งหลักหลาย ๆ แสนต่อหนึ่งชั่ง
แม้ในตำรับตำราจีนหลายเล่มจะมีการกล่าวถึงสรรพคุณที่มาที่ไปของ
“ถั่งเฉ้า” ไว้ก็จริง แต่ในความเป็นจริงแล้ว
คนจีนรู้จัก “ถั่งเฉ้า” เมื่อประมาณ 1,000 ปีที่ผ่านมานี่เอง โดยก่อนหน้านั้น
ไม่ได้มีการอ้างอิงถึงแต่ประการใด แท้ที่จริงแล้ว “ถั่งเฉ้า”เริ่มกำเนิดอยู่ที่ทิเบต จากนั้นจึงแพร่เข้าสู่จีน
จนกลายเป็น “สมุนไพรชั้นสูง” ที่กินมากขนาดไหนก็ได้ นานแค่ไหนก็ได้
ไม่มีพิษไม่มีภัย ไม่มีการสะสม ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ต่อสุขภาพร่างกายแน่นอน
ที่มาที่ไปของ “ถั่งเฉ้า” ทำไมถึงแปลก มีตัวเป็นทั้งหนอนแล้วก็เป็นหญ้าที่งอกออกมาจากส่วนของหัว
ฟัง ๆ ดู หรือเห็นจากรูป เชื่อว่าหลายคนก็คงจะข้องใจเหมือนที่ผมได้จั่วหัวเอาไว้ “ถั่งเฉ้า-คืออะไรหวา?”
ที่มาที่ไปของ “ถั่งเฉ้า”ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร
โดยเริ่มแรกเกิดเป็นตัวดักแด้ก่อนในช่วงฤดูหนาว
แล้วกินเมล็ดพันธุ์ที่ปลิวมาตามลมเป็นอาหาร พอสิ้นฤดูหนาว เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
เมล็ดพันธุ์ในท้องของตัวดักแด้ก็จะเริ่มเจริญพันธุ์ ขยายจนเต็มตัว
เหลือแต่เปลือกดักแด้ ครั้นย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
เมล็ดพันธุ์จะเจริญงอกออกมาจากส่วนหัวของดักแด้ แล้วก็จะค่อย ๆ
โผล่ออกจากใต้ดินสู่บนดินในช่วงปลายเดือนเมษายนที่เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ กำลังย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
ซึ่งจะเจริญวัยเต็มที่ ชาวบ้านจะไปเสาะแสวงหาในราวเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี
ตัวดักแด้นี้จะเป็นตัวดักแด้จากแมลงต่าง
ๆ มากมายหลายสิบชนิด เช่น ดักแด้จากผีเสื้อ ดักแด้ตัวไหม เหล่านี้เป็นต้น
นี่คือที่ว่า “ถั่งเฉ้า”มีมากกว่า 400 ชนิด แต่ที่มีคุณภาพจริง
ๆ นั้น มีประมาณ 10 ชนิด แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าพันธุ์ไหนมีคุณภาพจริง ๆ เรียกว่า
จะต้องเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเท่านั้นจึงจะแยกแยะออก คัดเลือกได้
ตัวดักแด้จะมีความยาวประมาณ 4-5 ซม. ส่วนที่เป็นพืช
ซึ่งแท้ที่จริงก็เป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง (เหมือนหลินจือนั่นแหละ
แต่คนละสายพันธุ์กัน) มีความยาวประมาณ 4-11 ซม. ในช่วงที่เชื้อราเจริญวัยเต็มที่
ก่อนจะถูกคนไปเสาะค้นพบ เมล็ดพันธุ์หรือสปอร์ของมันก็จะเริ่มหลุดปลิวไปตามลม
แล้วก็จะกลายเป็นอาหารของตัวดักแด้ต่อไป ซึ่งนี่ก็คือวัฎจักรของ “ถั่งเฉ้า” หรือจีนกลางเรียกว่า “ตงฉงเซี่ยเฉ่า” (หนาวหนอนร้อนหญ้า)
นั่นเอง
เค้าเล่าลือกันว่า
ในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายนซึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวนั้น
ชาวบ้านจะเฮโรกันขึ้นเขาเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นแย่งชิงกันอย่างรุนแรงถึงขั้นฆ่ากันก็มีข่าวบ่อยทีเดียว
ที่เกิดกระแสความรุนแรงดังกล่าว ก็เพราะคุณค่าของ “ถั่งเฉ้า” เป็นทั้งอาหารบำรุงสุขภาพและเป็นยาบำรุงสุขภาพ
เมื่อเป็นสมุนไพรที่หายากก็กลายเป็นสมุนไพรที่มีราคาแพง (เรียกว่า แพงยิ่งกว่า
หลินจือ ไม่รู้กี่เท่า) นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เกิดการแย่งชิง
แล้วยากลำบากต้องขึ้นไปเสาะแสวงหาบนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 3,000 ฟุต-5,000 ฟุต
ตรงที่มีราคาแพงนี่แหละที่ทำให้คนหัวใสได้มีการปลอมแปลงทำเทียมขึ้นมามากมายในท้องตลาด
เพราะฉะนั้น ถ้าหากคนที่ดูไม่เป็น จึงไม่แนะนำให้หาซื้อ “ถั่งเฉ้า”ทั่วไป
สำหรับ “ถั่งเฉ้ากาโน” มีความพิเศษแตกต่างจาก “ถั่งเฉ้า” ในท้องตลาดทั่วไป
เป็นความสามารถ “เฉพาะตัว” ของ มร.เลียวซูนเซ็ง
และทีมงานนักวิทยาศาสตร์ ที่สามารถ “เพาะเลี้ยงถั่งเฉ้า” โดยฝีมือมนุษย์ที่มาเลเซียได้สำเร็จเป็นเจ้าแรก แต่คุณภาพไม่ได้แตกต่างจาก “ถั่งเฉ้าธรรมชาติ” โดยได้มีการส่งไปวิเคราะห์ในแล็ปที่เซี่ยงไฮ้ที่เป็นแล็ปวิจัย “ถั่งเฉ้า”โดยเฉพาะ
ต่อมาได้มีผลการวิเคราะห์ส่งกลับมายืนยันว่า “คุณภาพที่เพาะจากมาเลเซียของกาโน
มีคุณภาพไม่ได้แตกต่างจากถั่งเฉ้าธรรมชาติแต่ประการใด”
มร.เลียวซูนเซ็ง
จึงเริ่มการผลิตและทดลองคุณภาพกับผู้ป่วยทั่วไป โดยเริ่มจากมาเลเซียก่อน
แล้วมาที่ประเทศไทย ดังจะเห็นว่า มีผู้ป่วยหลายท่านในช่วงกว่าขวบปีที่ผ่านมาได้รับอาสาในการรับประทาน “ถั่งเฉ้า” จนพบถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยมของ “ถั่งเฉ้ากาโน” อย่างแท้จริง
และเริ่มจำหน่ายในประเทศมาเลเซียก่อนเป็นปี ส่วนบ้านเราจะเริ่มจำหน่ายหลังจากหมายเลข
อย.ผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเร็ว ๆ นี้
หลายท่านที่ได้อ่านเรื่อง “ถั่งเฉ้า” สงสัยว่า
แล้วจะกินอย่างไร? ขอโทษทีที่ไม่ได้บอกไว้ชัดเจน
ในฉลากกำกับข้างขวดยาได้ระบุไว้ชัดเจนว่า รับประทานครั้งละ 1-2 แค็ปซูล วันละ 2
ครั้ง ดังนั้นให้กินพร้อม หลินจือ ในช่วงตอนเช้าและตอนเย็นได้เลย
กิน “หลินจือ”
พร้อม “ถั่งเฉ้า” หลายคนอาจสงสัยว่า อ่าน ๆ
แล้วดูเหมือนสรรพคุณคล้าย ๆ กัน จริงครับ แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ “หลินจือรักษาและปรับปรุงระบบของร่างกาย” ในขณะที่ “ถั่งเฉ้าบำรุงระบบของร่างกาย” เมื่อกินพร้อมกันทั้งสอง
กลับเป็นเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของหลินจือและถั่งเฉ้าให้แรงขึ้น เรียกได้ว่า
“ทวินแอ๊คชั่น”!!!